Home / Blog / รู้จัก Universal Design คืออะไร? พร้อม 7 หลักการออกแบบเพื่อคนทุกคน
Universal design

รู้จัก Universal Design คืออะไร? พร้อม 7 หลักการออกแบบเพื่อคนทุกคน

ในโลกธุรกิจที่เน้นความหลากหลาย การสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้บุคลากรทำงานร่วมกันได้เต็มที่เป็นสิ่งสำคัญ หลักการออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design) จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างองค์กรที่ยั่งยืนและเติบโต หลักการนี้เน้นการออกแบบพื้นที่ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้สะดวกสบายและเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะมีข้อจำกัดทางกายภาพหรือความสามารถต่างกัน การนำ UD มาใช้ในที่ทำงานจึงเป็นการลงทุนที่สะท้อนวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ใส่ใจบุคลากรทุกคน

 


 

Key Takeaways

  • Universal Design หรือ UD คือแนวคิดการออกแบบพื้นที่ สภาพแวดล้อม และผลิตภัณฑ์ เน้นให้ทุกคนสามารถใช้งานได้สะดวกสบาย โดยลดอุปสรรคในการเข้าถึงให้เหลือน้อยที่สุด
  • หลัก ๆ แล้ว Universal Design ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การออกแบบเพื่อผู้พิการ แต่ครอบคลุมถึงผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ หรือแม้แต่พนักงานทั่วไปที่ต้องการความสะดวกสบายในการทำงาน
  • การประยุกต์ใช้หลักการ Universal Design ในสำนักงานช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจความหลากหลาย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ในระยะยาว
  • โดย Universal Design มีหลัก 7 ประการ ตั้งแต่การใช้งานที่เท่าเทียม ความยืดหยุ่น ความเรียบง่าย จนถึงการออกแบบที่ลดความเสี่ยง ซึ่งสามารถปรับใช้ได้กับทุกส่วนของออฟฟิศ
  • การออกแบบห้องประชุมและพื้นที่ส่วนกลางโดยคำนึงถึง UD เช่น การมีพื้นที่สำหรับวีลแชร์ ทางที่กว้างขวาง คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่พนักงานและผู้มาเยือนที่ใช้งานพื้นทุกคน

 


 

สารบัญบทความ

 


 

Universal design คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ?

Universal Design(UD) หรือ “อารยสถาปัตย์” คือปรัชญาการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานของทุกคนในสังคมตั้งแต่เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ คนปกติทั่วไป ไปจนถึงผู้พิการ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสรรค์สภาพแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่ทุกคนสามารถเข้าถึง ให้ใช้งานได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องมีการดัดแปลงหรือออกแบบเป็นพิเศษเพิ่มเติม ซึ่งการออกแบบ UD ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นการออกแบบที่เป็นสากลและเป็นธรรมสำหรับทุกคน

สำหรับ Universal Design ในบริบทขององค์กรและพื้นที่ทำงานนั้นมีมากกว่าแค่การอำนวยความสะดวก แต่ยังเชื่อมโยงโดยตรงกับความสำเร็จของธุรกิจในหลายมิติ การสร้างออฟฟิศที่ทุกคนเข้าถึงได้สะท้อนถึงการเป็นองค์กรที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งเป็นปัจจัยดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ นอกจากนี้ยังช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานพื้นที่ที่ซับซ้อน ส่งผลให้พนักงานทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด

 


 

หลักการออกแบบ 7 ประการของ Universal Design

universal design 7 ประการ มีอะไรบ้าง

สำหรับการออกแบบ Universal Design จะมีหลักการพื้นฐานอยู่ 7 ประการ ซึ่งเป็นแนวทางสำหรับนักออกแบบในการสร้างสรรค์พื้นที่ที่ตอบโจทย์ความหลากหลายของผู้ใช้งานได้อย่างครอบคลุม ดังนี้

1. การใช้งานอย่างเท่าเทียม

ข้อแรกจะเน้นการออกแบบที่เอื้อประโยชน์ต่อคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ทำให้ผู้ใช้งานคนใดคนหนึ่งรู้สึกแปลกแยกหรือเสียเปรียบในสำนักงาน ตัวอย่างเช่น ประตูเลื่อนอัตโนมัติที่ทุกคนสามารถเดินผ่านได้สะดวกเหมือนกัน หรือโต๊ะทำงานที่สามารถปรับระดับความสูงได้ ซึ่งไม่เพียงแต่รองรับผู้ใช้งานวีลแชร์ แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อพนักงานทั่วไปที่ต้องการปรับเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างวันอีกด้วย

2. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน

Universal Design ที่ดีควรมีความยืดหยุ่นเพื่อรองรับความถนัดและความสามารถที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น การจัดเตรียมอุปกรณ์สำนักงานที่สามารถใช้งานได้ทั้งคนที่ถนัดซ้ายและขวา การมีพื้นที่ทำงานหลายรูปแบบ ทั้งแบบโต๊ะส่วนตัว (Focus Pod) สำหรับใช้สมาธิ และพื้นที่ทำงานร่วมกัน (Collaborative Zone) เพื่อให้พนักงานเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสมของงาน

3. ความเรียบง่ายในการใช้งาน

การออกแบบควรเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเรียนรู้วิธีการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องอาศัยคู่มือหรือคำอธิบายที่ยืดยาว เช่น สัญลักษณ์หรือป้ายบอกทางที่ชัดเจนและเป็นสากล ระบบจองห้องประชุมที่มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน หรือการออกแบบผังออฟฟิศที่นำทางผู้ใช้งานไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

4. เข้าใจข้อมูลได้ง่าย

หลักการนี้ให้ความสำคัญกับการสื่อสารข้อมูลที่จำเป็นแก่ผู้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้รูปแบบการสื่อสารที่หลากหลายเพื่อรองรับผู้ที่มีข้อจำกัดทางการรับรู้ที่แตกต่างกัน เช่น การใช้ป้ายที่มีทั้งตัวอักษรขนาดใหญ่และสัญลักษณ์รูปภาพ (Pictogram) ควบคู่กัน การมีระบบประกาศเตือนภัยฉุกเฉินที่มีทั้งเสียงและแสงไฟกะพริบ เพื่อให้ทุกคนรับรู้ข้อมูลได้แม้จะมีข้อจำกัดทางการได้ยินหรือการมองเห็น

5. ลดความเสี่ยงและข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น

การออกแบบควรช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือความผิดพลาดจากการใช้งานโดยไม่ตั้งใจ และหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ผลกระทบที่ตามมาก็ควรอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ตัวอย่างเช่น การเลือกใช้วัสดุปูพื้นที่กันลื่นในบริเวณที่อาจมีน้ำหก เช่น ห้องครัวหรือห้องน้ำ การติดตั้งราวจับในบริเวณทางเดินหรือบันได และการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่มีขอบมนเพื่อลดความเสี่ยงในการกระแทก

6. ใช้ความพยายามน้อยที่สุด ออกแรงไม่มาก

การออกแบบที่ช่วยให้ผู้ใช้งานไม่ต้องออกแรงหรือใช้ความพยายามทางกายภาพมากเกินความจำเป็น ทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและไม่เหนื่อยล้า เช่น การใช้ประตูบานเลื่อนหรือประตูที่มีระบบโช้คอัพช่วยผ่อนแรง การเลือกใช้ก๊อกน้ำแบบเซนเซอร์ หรือลิฟต์ที่กดปุ่มได้ง่ายโดยไม่ต้องออกแรงมาก

7. มีขนาดและพื้นที่ที่เหมาะสม

หลักการข้อสุดท้ายคือการออกแบบพื้นที่ให้มีขนาดและความกว้างเหมาะสม รองรับการเข้าถึงและการใช้งานของทุกคนไม่ว่าจะมีรูปร่าง ขนาด หรือระดับความคล่องตัวแบบใดก็ตาม ซึ่งรวมถึงการออกแบบทางเดินและโถงทางเดินให้กว้างพอสำหรับให้ผู้ใช้งานวีลแชร์สามารถสัญจรและกลับตัวได้อย่างสะดวก การจัดพื้นที่รอบโต๊ะทำงานและในห้องประชุมให้มีระยะห่างเหมาะสม และการออกแบบห้องน้ำให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการใช้งาน

 


 

การออกแบบห้องประชุมโดยใช้หลัก Universal Design

Universal Design ออกแบบห้องประชุม

ห้องประชุมคือพื้นที่สำคัญที่บุคลากรและแขกภายนอกต้องใช้งานร่วมกัน การประยุกต์ใช้หลัก Universal Design ในการออกแบบห้องประชุมจึงไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจ แต่ยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ของทุกคน การออกแบบห้องประชุมโดยใช้หลัก Universal Design มีข้อดีดังนี้

  • จัดสรรพื้นที่สำหรับผู้ใช้งานวีลแชร์ : ควรจัดพื้นที่สำหรับวีลแชร์ไว้ด้านหน้า หรือในจุดที่มองเห็นจอและผู้พูดได้ชัดเจน เว้นระยะเหมาะสม เพื่อให้มองเห็นสะดวก และมีส่วนร่วมกับการประชุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ออกแบบทางสัญจรที่สะดวกและปลอดภัย : ควรสร้างทางเข้า-ออกที่กว้างขวาง ไม่มีสิ่งกีดขวางทางเดิน เพื่อให้ผู้ใช้งานวีลแชร์สามารถเคลื่อนที่ได้สะดวก รวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีเหตุฉุกเฉิน
  • พัฒนาระบบเสียงให้ครอบคลุมและชัดเจน : การติดตั้งเครื่องเสียงห้องประชุม ที่มีคุณภาพจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ทั่วถึง และยังจะช่วยลดเสียงก้องอีกด้วย
  • เตรียมพื้นที่สำหรับผู้ช่วยสื่อสาร : สำหรับผู้พิการทางการได้ยิน ควรจัดพื้นที่สำหรับล่ามภาษามือ และอยู่ในตำแหน่งที่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

นอกเหนือจากฟังก์ชันการใช้งานแล้ว การตกแต่งห้องประชุม โดยเลือกใช้วัสดุและสีที่เหมาะสมยังช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ได้อีกด้วย

 


 

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Universal Design

ทำไม Universal Design จึงมีความสำคัญ?

Universal Design มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นแนวทางที่สร้างสภาพแวดล้อมที่รองรับความหลากหลายของมนุษย์ ตั้งแต่การสร้างพื้นฐานที่ส่งเสริมความเท่าเทียมให้กับองค์กร, เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน, ดึงดูดคนเก่ง, และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี ที่ทุกคนรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่ง

Universal Design แตกต่างจาก Accessibility อย่างไร?

สองคำนี้มีความหมายต่างกัน Accessibility คือการแก้ไขสภาพแวดล้อมเดิมเพื่อให้คนบางกลุ่ม (ผู้พิการ) สามารถใช้งานได้ เช่น การสร้างทางลาดสำหรับวีลแชร์ ส่วน Universal Design คือการออกแบบตั้งแต่ให้ผลิตภัณฑ์หรือพื้นที่นั้นสามารถใช้งานได้โดยคนทุกกลุ่มตั้งแต่แรก โดยไม่จำเป็นต้องมีการปรับแก้ในภายหลัง

 


 

Universal design หลักการออกแบบที่ดีไซน์มาเพื่อรองรับทุกคนอย่างเท่าเทียม

อย่างที่เห็นกันว่าหลักการออกแบบ Universal Designคือหัวใจของการสร้างพื้นที่ทำงานแห่งอนาคตที่เปิดรับความแตกต่างหลากหลาย และส่งเสริมให้บุคลากรทุกคนสามารถปลดปล่อยศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ การออกแบบที่คำนึงถึงทุกคนไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นกลยุทธ์ที่จำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

หากคุณกำลังมองหาผู้ให้บริการตกแต่งภายใน หรือติดตั้งระบบโสตฯ ห้องประชุมแบบครบวงจร ATC คือผู้เชี่ยวชาญในการตกแต่งและรับออกแบบห้องประชุมรวมไปถึงการปรับปรุงห้องประชุมให้ทันสมัยและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำทั้งองค์กรใหญ่ หน่วยงานภาครัฐ และบริษัทเอกชนทั่วประเทศ เรามีบริการครบวงจร ตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ ติดตั้งระบบโสตทัศนูปกรณ์ และการปรับปรุงด้านสถาปัตยกรรมเสียง (Acoustics) โดยให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพตั้งแต่เริ่มต้นจนส่งมอบงาน

 

Start typing and press Enter to search